Tuesday, March 07, 2006

ด้วยเวลาอันจำกัด (เนื่องจากสายรุ้งหลากสีสันพร้อมใจกันฉุดกระชากลากวิญญาณของใครบางคนจนล้มลุกคลุกฝุ่น) ทำให้พื้นที่แห่งนี้ร้างไร้การเยี่ยมเยือนจนเปลี่ยวร้างว่างเหงา เจ้าบ้านคงต้องขอผัดผ่อนไปก่อนจนกว่าจะมีเวลาลืมตาอ้าปาก ได้ฤกษ์นำพาตัวอักษรมาทักทายกันอีก

คราครั้งนี้จึงขออนุญาตนำผลงานของสมาชิกร่วมชมรม "ผู้ชายน่าเบื่อ" มาถ่ายทอด ณ พื้นที่แห่งนี้ ซึ่งเจ้าบ้านจะยินดีปรีดามากหากมันจะเป็นจุดเริ่มต้นให้สมาชิกท่านอื่นๆ เข้ามาร่วมวงบรรเลงเพลงอักษร สร้างบรรยากาศอันครึกครื้นราวกับร่ำสุราท่ามกลางนารีเฉิดฉัน

สายฝนโหมกระหน่ำสามารถกัดเซาะแผ่นผาให้ผุกร่อนได้ฉันใด

ดวงใจเปล่าเปลี่ยวก็ป่นสลายได้ด้วยสายฝนที่เจ้าของยินยอมให้มันราดรดได้ฉันนั้น

แผ่นผาสูงเด่นเหยียดฟ้า ยังมีดวงเดือนและดวงดาวสาดแสงโอบกอดปลอบขวัญ

แต่ดวงใจของคนเล่า สัมผัสนั้นจากไปสู่หนใด?



เดือนพฤษภาคม เมื่อฤดูฝนและวันเกิดหญิงสาวกำลังมาถึง...

- สารจากสมาชิก -

คงจะมีอะไรบางอย่างช่วยปลอบประโลมความคลุมเครือแห่งค่ำคืน...

เป็นไปได้, And you feel that it was rainin' all over this man's world...

--------

ดูเหมือนว่า โครงสร้างของสังคมไทยยังไม่พร้อมที่จะถ่างขาสอดรับจังหวะของปัจเจกชน เป็นตัวละครในจินตกรรม (Imagine) ของพวกเขา หากไม่เพราะยังรับไม่ได้กับความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืนของปัจเจกชน ก็คงด้วยเหตุผลอื่นตามสถาวะหลากหลาย

คงจะไม่คุกคามกันเกินไปนัก เอกภาพ (Unity) ไม่มีอยู่จริง ถอยกลับไปก็ไม่เคยมีอยู่จริง เป็นได้ก็เพียงเชือกว่าวบางเบาพันเป็นเกลียว หมุนมัดรัดแน่นเป็นนาน เพียงเมื่อลมเอนกายก็ขาดผลุย สเปิร์มนับล้านมิเคยรั้งรอที่จะถกเถียงเรื่องการก่อตั้งสมาคมเอกภาพแห่งตัวพร้อมพันธุ์เพื่อความสงบสุขที่ปลายทางอันอบอ้าวในรังไข่

มันกลายเป็นสภาวะแปลกแยก (มิกล้าที่จะใช้ Alienation, ลืมไปซะ!!) ปัจเจกชนเกิดมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากที่หนึ่งและเพื่อมาเป็นส่วนเกินแปลกปลอมของที่นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน จะเป็นไปได้ก็เพียงเก้าอี้ในบาร์เหล้า บทเพลงสักเพลงพอให้เดินกลับบ้านไหว ไม่ต้องแยแสกับการส่องแสง (Enlight) ทางการเมืองของทีวี

ผู้คนในเมืองใหญ่ สบตากัน เพียงเพื่อไปเป็นส่วนประกอบแห่งกาละและเทศะ เผื่อใครถามถึงหากห้วงเวลานั้นกลายเป็นประวัติศาสตร์ วัยรุ่นสุมหัวคุยกัน ความเห็นแยกย่อยคละคลุ้งลอยขึ้นอากาศ กระจัดกระจายไปเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติสังคมเมือง สิ่งอันเป็นสากลของสังคมเมือง

คงมิใช่วาตานาเบะ โทรุ ความผิดผูกพันต่อหญิงสาวคนหนึ่งจะทำให้เขาหัวใจสลาย เพียงอย่างเดียวยังยืนยันได้ "มีสองสิ่งที่ทำให้คนหัวใจสลาย, ความรักและความตาย" นี่ไม่ใช่เชิงอรรถของเพลโต แต่เป็นปลายทางของหัวใจที่รกร้างและสูญเปล่าไปกับลมหายใจ

"ความรักอาจเป็นสิ่งที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผล" โรแมนติกเป็นที่สุด

เมื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วก็พร้อมที่จะสลัดความรักทิ้ง เหมือนยานอวกาศเมื่อพ้นโลกไปแล้วถีบกระสวยเชื้อเพลิงทิ้งและทำเป็นลืม ช่างเถอะ ปัญหานอกเตียงพวกนี้

The only truth have not been death, the day we leave alone!!

ภาพความตายช่างอาดูรเสมอ มันเหมือนตลกร้ายที่เกิดขึ้นเพียงชั่วยามและก็ไม่มีไอ้ง่าวตัวไหนออกมาเฉลยความจริงเลยสักตัว

----------

3 Comments:

At 3/10/2006 9:34 AM, Blogger pickmegadance said...

ว่าแต่สมาชิกชมรม "ผู้ชายน่าเบื่อ" นี่มีใครบ้างอ่ะ

 
At 3/10/2006 4:07 PM, Blogger K. Samphan said...

ก็มีแต่คนคุ้นๆ หน้าทั้งนั้น ปิ๊กเดาเอาได้แบบไม่ต้องเดา

ว่าแต่ชื่อชมรมน่าหมั่นไส้ใช่ไหมล่ะ!

 
At 3/11/2006 8:59 AM, Anonymous Anonymous said...

มีมึ ง เป็นประธานสมาคมไงไอ้ปิ๊ก กูให้สองเก้าอี้มึง 2 สมาคมเลย ประธานสมาคมผู้ค้าปลาดุกบิ๊กอุย และสมาคมผู้ชายหน้า(น่า)เบื่อ

 

Post a Comment

<< Home