Tuesday, December 27, 2005


"คำถาม"

เราบางคนตั้งคำถาม มนุษย์กำเนิดมาด้วยเหตุผลใด?

ชายหนุ่มนั่งหวนคิดคำนึง

ครั้งเมื่อยังเด็ก ยายของเขาบอกเล่าว่าเขาเกิดมาพร้อมปานดำบนหน้าผาก แล้วยายว่าแต่ครั้งโบราณมา หากลูกหลานเยาว์วัยสิ้นลมหายใจ ผู้หลักผู้ใหญ่มักใช้ปูนแต้มที่หน้าผาก คล้ายเป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกจดจำกันได้หากเด็กน้อยย้อนกลับมาจุติอีกครั้ง

หากเป็นดั่งยายว่า

ชายหนุ่มคงสัมผัสกับโลกมนุษย์มาแล้วอย่างน้อยหนึ่งช่วงชีวิต และช่วงชีวิตนั้นก็อาจสั้นเพียงพริบตา จนไม่เปิดโอกาสให้เขาเปล่งเสียงร้องเรียกมารดา

ความสงสัยแลบปลาบคล้ายกระแสไฟจากฟากฟ้า

เหตุใดปานดำจึงเจือจางลงตามวันเวลาผ่านเลย หรือใครบางคนอาจกำหนดให้มันปรากฏเพียงวัยเยาว์ ไม่ปรารถนาให้เขาเป็นที่จดจำของผู้ใด

บางที คงเป็นเรื่องโหดร้ายจนสุดทน หากต้องรับรู้ว่า เด็กน้อยแบเบาะในครั้งนั้น จะถูกโลกย่ำยีได้ถึงเพียงนี้


เราบางคนตั้งคำถาม ชีวิตมีความหมายเช่นใด?

ชายหนุ่มยังจำได้ ครั้งโลดแล่นอยู่ในเรือกสวนไร่นา ดำผุดดำว่ายพร้อมเพื่อนฝูงร่วมวันเวลา

เหยียบย่ำลงบนผืนดินอันอุดม กระโจนตะกายในห้วงอากาศ ดูดซับแลกเปลี่ยนพร้อมสรรพสิ่ง

ชายหนุ่มยังจำได้ ครั้งยังกอดคอร่วมทางกับเพื่อนต่างวัย ท่ามกลางบรรยากาศคุ้นเคย ภายหลังร่างกายและจิตใจผ่านการเดินทางยาวนาน

ในขณะที่คืนวันผันผ่าน เขาเฝ้าถามตนเองว่าได้พบเจอกับสิ่งใด

ความโศกเศร้าพลันเข้าเกาะกุม

เพราะคำตอบดูเหมือนจะเลือนหายพร้อมกาลเวลา และความหมายที่เฝ้าค้นหาดูเหมือนจะฝังจมในผืนดิน


เราบางคนตั้งคำถาม สังคมมนุษย์ในอุดมคติเป็นเช่นใด?

ยายหอบหิ้วร่างกายอ่อนล้ามาอยู่ตรงนี้เกือบทุกวัน กระดาษหนังสือพิมพ์วางรองรับความหยาบกระด้างของพื้นคอนกรีต ผลหมากสุกและมวนใบพลูวางอวดสายตาอยู่ในตะกร้าหวายใบย่อม

เสื้อเชิ้ตสีหม่นดูเหว่ว้าแม้มียายเป็นเจ้าของ และนัยน์ตาอ่อนโรยดูว่างโหวงไร้จุดหมาย

ชายหนุ่มเดินผ่านยายเกือบทุกวัน ลนลานจากที่นอนหลังล้มฟุบพร้อมอาการเมามาย ตะเกียกตะกายห้อยโหนมุ่งสู่จุดหมายพร้อมเพื่อนมนุษย์ร้อยพัน

วันเวลาสับสนวุ่นวาย

ยายเฝ้ารอผลตอบแทนจากหมากพลูในตะกร้า

เขาเร่งฝีก้าวใฝ่คว้าใบเบิกทางทำมาหากิน

ยายบรรจงกดคมมีดกรีดเปลือกแข็งของผลหมาก หวังค่าตอบแทนยังชีวิตบั้นปลาย

เขาเร่งปรุงแต่งร่างกาย หวังเปลี่ยนเป็นสินค้าชิ้นเยี่ยมในตลาดแรงงาน

ยายหยุดนิ่ง หวังเพียงเรี่ยวแรงกำลังมีเหลือเผื่อวันใหม่

เขาสะบัดโยกเริงระบำ อวลกลิ่นควันคลุ้งเคล้าคลึงมวลกามา

ยายมานั่งที่นี่เกือบทุกวัน

เขาเดินผ่านยายเกือบทุกวัน


เราบางคนตั้งคำถาม ความสุขคืออะไร?

หญิงสาวปรายตามองรอบกาย พลันพบว่ารอบข้างรายล้อมไปด้วยผู้คน

เธอมั่นใจว่าชีวิตห่างไกลจากความโดดเดี่ยวลำพัง แต่ไม่เข้าใจสาเหตุของความอ้างว้างเดียวดาย

รองเท้าหรูระยับย่ำบนคอนกรีตเจิ่งนองหลังฝนซา

ดวงตาเหม่อมองระยิบไฟริมถนน

ล่องลอยไปกับจินตนาการไร้รูปทรง

ละอองฝนแผ่วเบาสัมผัสผิวกาย

คล้ายกริ่งเกรงรบกวนห้วงนิทรา

หรือชีวิตจะล่องลอยเคว้งคว้างเช่นนี้ร่ำไป

เธอเงียบเหงาเกินกว่าจะหาคำตอบ


เราบางคนตั้งคำถาม เราคือใคร?

เขาแผ่หงายเพ่งมองเวิ้งฟ้า

รอบกายเป็นภูมิประเทศที่ไม่คุ้นเคย แต่อบอุ่นราวอยู่ในอ้อมแขน

ห้วงเวลาผ่านเลยพร้อมความคิดวุ่นวายสับสน

ไต่ถามถึงความเป็นมาและอนาคต


สายลมพลิ้วแผ่วลูบไล้เรือนกาย แต่กรีดเฉือนหัวใจ

ปุยเมฆล่องลอยก่อรูปมิอาจคาดเดา

แสงเรืองยามเย็นเริ่มอ่อนแรงหม่นเศร้า

และแผ่นน้ำเบื้องหน้ายังนิ่งสงบดุจผู้อาวุโสหยั่งรู้ความเป็นไป


เขาล่องลอยไปพร้อมกับเสียงกระซิบของสายลม แต่ก็จมดิ่งลุ่มหลง ร่ายระบำไปพร้อมกับระยิบน้ำ

โผบินตามแรงปรารถนา แต่คล้ายยิ่งถูกมัดพันธนาการ


ณ ห้วงขณะหนึ่งของกาลเวลา

สรรพสิ่งหลอมรวม ไร้ที่มาร้างที่ไป

ชีวิตร้องตะโกนว่ามืดบอดบิดใบ้

น้ำตารินหลั่งโหยไห้ถึงวันผ่านเลย


เขาแผ่หงายเพ่งมองเวิ้งฟ้า

รอบกายเป็นภูมิประเทศที่ไม่คุ้นเคย แต่อบอุ่นราวอยู่ในอ้อมแขน

ห้วงเวลาผ่านเลยพร้อมความคิดวุ่นวายสับสน

ไต่ถามถึงความเป็นมาและอนาคต...


เขียน: กุมภาพันธ์ 2546
ปรับปรุง: กันยายน 2549

0 Comments:

Post a Comment

<< Home